เทศบาลตำบลโกรกแก้ว อำเภอโนนสุวรรณ จังหวัดบุรีรัมย์ : www.krokkaew.go.th

 
 
 


เรียนรู้ ๖ เทคนิค การทอผ้าไทย รู้หรือไม่? หัตถศิลป์การทอผ้าไทยมีเทคนิคการผลิตที่หลากหลาย มีทั้งความซับซ้อนและความงดงามที่แตกต่างกันออกไป แต่ทุกเทคนิคล้วนสะท้อนถึงความวิจิตรของช่างไทย ซึ่งควรค่าแ


เรียนรู้ ๖ เทคนิค การทอผ้าไทย       รู้หรือไม่? หัตถศิลป์การทอผ้าไทยมีเทคนิคการผลิตที่หลากหลาย มีทั้งความซับซ้อนและความงดงามที่แตกต่างกันออกไป แต่ทุกเทคนิคล้วนสะท้อนถึงความวิจิตรของช่างไทย ซึ่งควรค่าแก่การสืบสาน       องค์ความรู้เหล่านี้คือสิ่งสำคัญที่ สมเด็จพระพันปีหลวง ทรงริเริ่มให้มีการอนุรักษ์และพัฒนา ผ่านภารกิจของ มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ เพื่อให้หัตถกรรมพื้นบ้านคงอยู่คู่สังคมไทย และช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของช่างฝีมือไทย  ๖ เทคนิคหลักของการทอผ้าไทย ๑. การทอลายขิต คือการคัดเก็บและยกเส้นด้ายยืนพิเศษให้เกิดเป็นลวดลาย แล้วสอดเส้นด้ายพุ่งไปตลอดแนวความกว้างของหน้าผ้า ทำให้เกิดลายขิตในแต่ละแถว ซึ่งมักเป็นลายขิตสีเดียวกัน  ๒. การยก เป็นเทคนิคการทอที่ทำให้ลวดลายดูนูนเด่นชัด มีลักษณะคล้ายการทอลายขิต แต่ใช้เส้นพุ่งพิเศษ เช่น ไหม ดิ้นเงิน หรือดิ้นทอง มีชายและเชิงผ้า ขั้นตอนการทอมีความยุ่งยากกว่าการทอลายขิตมาก  ๓. การจก เป็นเทคนิคการทอลวดลายบนผืนผ้า โดยการเพิ่มเส้นด้ายพุ่งพิเศษเข้าไปเป็นช่วง ๆ ติดต่อกันตลอดหน้ากว้างของผ้า ใช้ไม้ ขนเม่น หรือนิ้วมือในการยกหรือจกเส้นด้ายยืน แล้วสอดเส้นพุ่งพิเศษไปตามจังหวะของลวดลาย สามารถสลับสีได้หลากหลาย  ๔. การทอลายน้ำไหล เป็นเทคนิคการทอแบบลายขัดธรรมดา แต่ใช้เส้นด้ายหลากสีพุ่งเกาะเกี่ยวกันเป็นช่วง ๆ ให้เกิดจังหวะคล้ายสายน้ำไหล เป็นลักษณะเฉพาะของชาวเมืองน่าน ซึ่งเรียกกรรมวิธีนี้ว่า “ล้วง” ส่วนชาวไทลื้อในอำเภอเชียงของและอำเภอเชียงคำ จังหวัดเชียงราย เรียกว่า “เกาะ” เทคนิคนี้สามารถดัดแปลงพัฒนาเป็นลายอื่น ๆ เช่น ลายผักแว่น ลายจรวด เป็นต้น  ๕. การยกมุก เป็นเทคนิคการทอโดยใช้เส้นด้ายยืนพิเศษเพิ่มบนกี่ทอผ้า ลวดลายเกิดจากการใช้ตะกอลอยยกเส้นด้ายยืนพิเศษ ลักษณะลวดลายที่ได้คล้ายกับเทคนิคขิตและจก จนแทบแยกไม่ออกสำหรับผู้ที่ไม่คุ้นเคย ชาวไทยพวนในตำบลหาดเสี้ยว จังหวัดสุโขทัย และอำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ นิยมใช้เทคนิคนี้ในการทอผ้า ส่วนที่เป็นตัวซิ่น บางครั้งจะนำเชิงซิ่นมาต่อเป็นตีนจก เรียกว่า “ซิ่นมุก”  ๖. การมัดหมี่ เป็นเทคนิคการมัดเส้นด้ายพุ่งหรือเส้นด้ายยืนให้เกิดลวดลาย ด้วยเชือกกล้วยหรือเชือกฟาง ก่อนนำไปย้อมสี จากนั้นจึงกรอด้ายให้เรียงตามลวดลาย ร้อยใส่ฟืม และนำมาทอ ผ้าที่ได้จะเกิดลายมัดหมี่เป็นทางกว้างของผืนผ้า เรียกว่า “มัดหมี่เส้นพุ่ง” ซึ่งเป็นที่นิยมมากในประเทศไทย ส่วนการมัดหมี่เส้นยืนพบได้ในบางจังหวัด เช่น เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ราชบุรี และเพชรบุรี ส่วนใหญ่เป็นผ้าของชาวเขา บางผืนมีการทอสลับกับลายขิต ซึ่งช่วยเพิ่มความวิจิตรและงดงามให้แก่ผืนผ้า       ไม่เพียงแต่ช่างฝีมือเท่านั้นที่ควรรู้ถึงรายละเอียดเหล่านี้ หากแต่ในฐานะของคนไทยหรือผู้สวมใส่ การเข้าใจคุณค่าและความประณีตของผ้าแต่ละผืน จะช่วยให้เราเลือกซื้อและเลือกใช้ผ้าไทยด้วยความภาคภูมิใจ พร้อมร่วมสืบสานพระราชปณิธานได้อย่างแท้จริง  





2025-12-24
2025-12-24
2025-11-05
2025-11-04
2025-11-01
2025-10-20
2025-10-13
2025-10-10
2025-10-01
2025-09-25